นางสาว ธนวรรณ เดียสะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 เลขที่17 โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ จังหวัดสตูล
วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556
ใช้สมอง อย่าลืมหัวใจ
ใช้สมอง อย่าลืมหัวใจ
“กุ้ง” เป็นกรรมการมูลนิธิแห่งหนึ่งซึ่งก่อตั้งได้ไม่นาน
จึงต้องการความสนับสนุนและกำลังความคิดจากผู้คนเป็นอันมาก คราวหนึ่งมีการประชุมในหมู่ผู้สนับสนุนมูลนิธิ
ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์กรรมการมูลนิธิอย่างยืดยาว เพราะไม่พอใจที่ข้อเสนอหลายอย่างของเขาไม่มีใครนำไปปฏิบัติ
ทั้ง ๆ ที่เขาใช้เวลาครุ่นคิดกับมันอย่างมาก
กุ้งเห็นว่าเขามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายประการ จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งบอกเล่าถึงข้อจำกัดหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถนำข้อเสนอของเขาไป
ปฏิบัติได้ แต่คำชี้แจงของเธอ กลับทำให้เขาขุ่นเคืองมากขึ้น และตอบโต้หนักกว่าเดิม
กุ้งได้ยินเช่นนั้น ก็อยากอธิบายเพิ่มเติม แต่ “การุญ” ซึ่งเป็นกรรมการอาวุโส สะกิดเธอให้นิ่งเงียบ
แล้วพูดกับบุคคลผู้นั้นว่า “ผมรับทราบและรู้สึกขอบคุณที่คุณมีความปรารถนาดีต่อมูลนิธิ
ขณะเดียวกันก็เข้าใจความรู้สึกของคุณด้วย คุณรู้สึกเสียใจที่ความตั้งใจดีของคุณไม่ถูกนำไปปฏิบัติ
แต่ก็อยากให้เข้าใจว่าเรามีข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถทำตามข้อเสนอของคุณได้ อันนี้เป็นความผิดพลาดของพวกเราเอง
ผมต้องขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย”
การุญพูดจบ
อาสาสมัครผู้นั้นก็มีอาการสงบลงอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศที่มึนตึงผ่อนคลายไปทันทีเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กุ้งรู้ว่า
สิ่งที่อาสาสมัครผู้นั้นต้องการไม่ใช่เหตุผลหรือคำชี้แจง เขาเพียงแต่ต้องการให้กรรมการมูลนิธิรับรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่
เกิดขึ้น ตราบใดที่กรรมการยังไม่รับรู้ความทุกข์ของเขา เขาก็ยังไม่เลิกรา แม้ว่าคำชี้แจงของเธอจะมีเหตุผลหรือถูกต้องเพียงใดก็ตาม
เธอได้บทเรียนว่า กรณีแบบนี้ สิ่งสำคัญมิได้อยู่ที่เหตุผลหรือความถูกต้อง แต่อยู่ที่การเปิดใจรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของเขา
ความขัดแย้งจะไม่คลี่คลายเลยหากเธอได้ยินแต่คำพูดของเขา แต่ไม่รับรู้ความรู้สึกของเขา
เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น อารมณ์เป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามมิได้ มันอยู่เบื้องหลังคำพูดและเหตุผลต่าง
ๆ ที่พรั่งพรูออกมา ผู้คนส่วนใหญ่มักสนใจแต่คำพูดและเหตุผลที่อีกฝ่ายเอ่ยอ้าง แต่การรับรู้เพียงเท่านั้นก็ไม่ต่างจากการเห็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็ง
ซึ่งนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับก้อนมหึมาที่อยู่ใต้น้ำ เมื่อรับรู้ความจริงไม่ครบถ้วนก็ยากที่จะแก้ไขความขัดแย้งให้ถูกจุดได้
ความคิดหรือ
“สมอง” นั้นรับรู้ได้แต่ส่วนที่เป็นเหตุผลหรือข้อเท็จจริง
แต่ไม่สามารถรับรู้อารมณ์ของอีกฝ่ายได้ เราจะรับรู้ความจริงอย่างครบถ้วนได้จำต้องใช้
“หัวใจ” ด้วยเพื่อรับรู้อารมณ์ของคู่กรณี อารมณ์ที่ว่าไม่ได้มีแค่ความโกรธ ความไม่พอใจเท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือความทุกข์ ความเจ็บปวด เพียงรับรู้ว่าเขาโกรธเท่านั้นยังไม่พอ
หลายคนพอรู้ว่าอีกฝ่ายโกรธ ความรู้สึกไม่พอใจก็เกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ แต่เราควรรับรู้ให้ลึกไปกว่านั้น
คือรับรู้ความทุกข์หรือความเจ็บปวดของเขา การรับรู้ดังกล่าวจะช่วยให้เราเห็นใจเขาและปรารถนาจะช่วยบรรเทาความทุกข์ของ
เขา
แต่การรับรู้ความทุกข์ของอีกฝ่ายเป็นเรื่องยากหากเราว้าวุ่นขุ่นมัวหรือคิดแต่จะหาเหตุผลมาชี้แจง
สาละวนอยู่กับการสรรหาคำพูดมาตอบโต้เขา ต่อเมื่อเราทำใจให้ว่างเท่านั้น จึงจะสัมผัสรับรู้ความเจ็บปวดของเขาได้ชัดเจน
สาละวนอยู่กับการสรรหาคำพูดมาตอบโต้เขา ต่อเมื่อเราทำใจให้ว่างเท่านั้น จึงจะสัมผัสรับรู้ความเจ็บปวดของเขาได้ชัดเจน
เวลาขัดแย้งกันถึงขั้นมีปากมีเสียงกัน เราไม่ควรคำนึงแต่เหตุผลหรือยึดติดกับความถูก-ผิดมากนัก
เพราะถึงแม้เราจะเอาเหตุผลหรือหลักฐานมายืนยันว่าเราเป็นฝ่ายถูก ก็ใช่ว่าความขัดแย้งจะคลี่คลายไปได้
จะมีประโยชน์อะไรหากเราเป็นฝ่ายถูก แต่อีกฝ่ายยังรู้สึกเจ็บปวดและแค้นเคือง ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่ไหน
แต่เป็นคนที่เรารักหรือใกล้ชิดเรา ผลเสียย่อมตามมาอีกมากมาย ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงการใช้เหตุผลในการกล่าวหาโจมตีอีกฝ่ายว่าเป็นผู้
ผิด ซึ่งยิ่งเท่ากับสร้างความเจ็บแค้นแก่กันและกันให้มากขึ้น
นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เคยให้ข้อคิดไว้ว่า “เวลาสามีภรรยาทะเลาะกัน อย่าใช้เหตุผลเป็นอันขาด ให้ใช้อารมณ์ วางเหตุผลลงให้ได้
ปล่อยให้อารมณ์ลอยขึ้นมา อารมณ์รักที่เคยมีต่อกันในอดีตจะเข้ามาแก้ปัญหาให้เอง” มิใช่แต่สามีภรรยาเท่านั้น กับเพื่อนร่วมงานหรือมิตรสหาย ก็ควรทำเช่นเดียวกัน
แต่หากว่ายังไม่ถึงขั้นทะเลาะกัน แม้จะใช้เหตุผล ก็อย่าลืมใช้อารมณ์ด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ
ใช้ทั้งสมองและหัวใจควบคู่กัน
วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
1.ชื่อโครงงาน Kopi
2.ชื่อผู้เสนอโครงงาน
2.1. นาย สหรัฐ ธนะไชย
เลขที่ 12
2.2. น.ส. ธนวรรณ
เดียสะ เลขที่ 17
2.3. น.ส. นฤมา โอดภิบาล เลขที่ 18
2.4. น.ส. สุภา มาฮับผล เลขที่ 35
3. ครูที่ปรึกษาโครงงาน คุณครู เชษฐา เถาวัลย์
4. หลักการและเหตุผล
กลุ่มของข้าพเจ้าได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของKopi และให้ความสนใจเรื่อง Kopi จึงทำการรวบรวมข้อมูลและจัดทำเป็นรายการโทรทัศน์ ใช้ชื่อเรื่อง Kopi จังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย(ทางฝั่งทะเลอันดามัน)
คำว่า สตูล มาจากคำภาษามลายูว่า สโตย แปลว่ากระท้อน
ซึ่งเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ชุกชุมในท้องที่นี้
จังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับเขตรอยต่อรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย
ซึ่งได้มีการนำเมล็ดกาแฟหรือภาษาท้องถิ่นเรียกว่า “โกปี้”
เข้ามาในจังหวัดสตูล ซึ่งเริ่มเข้ามาในแถบวังประจันแล้วแพร่หลายในอำเภอควนโดน
และในอำเภอต่างๆ ในจังหวัดสตูล ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้กลุ่มของข้าพเจ้า
เลือกการนำเสนองานเรื่อง โกปี้ ในรูปแบบวีดีโอ
ซึ่งกลุ่มของข้าพเจ้าต้องการให้ผู้อื่นได้แสดงความคิดเห็นในบล็อก
เพื่อที่จะพัฒนาหรือแก้ไขข้อมูลให้ดียิ่งขึ้น
5.
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
5.1.
เพื่อจัดทำรายการโทรทัศน์เรื่อง Kopi
5.2.
เพื่อให้ทุกคนได้รู้จัก Kopi
5.3.
เพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญของวัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่น
วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556
“โกปี้” กาแฟโบราณรสชาติไทย
...."โกปี้"กาแฟโบราณรสชาติไทย....
คงมีหลายๆท่านที่ชื่นชอบในการดื่มกาแฟและอาจจะเคยได้ลิ้มลองกาแฟที่ชื่อว่า
“โกปี้” กันบ้างแล้ว
และยังคงมีอีกไม่น้อยที่ไม่เคยได้ยินกาแฟชนิดนี้มาก่อนเลย เราจึงมักจะสงสัยกันว่า? แท้จริงแล้วมันคืออะไร
โกปี้ เป็นคำที่มาจากภาษาจีนมีความหมายว่า กาแฟ
ถ้าเป็นคนจีนสมัยก่อนมักจะเรียกกาแฟแบบติดปากว่า “โกปี้” ซึ่งหมายถึงกาแฟโบราณที่มีน้ำสีดำเข้มและมีรสขม
อาจจะนำมาใส่นมข้นหวานหรือใส่น้ำตาลอย่างเดียวก็ได้
แต่ละพื้นที่จะเรียกชื่อของโกปี้แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและชื่อกาแฟโกปี้ในพื้นที่นั้นๆ
กาแฟโกปี้ เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในท้องถิ่นทางภาคใต้ของไทย สังเกตได้จากวิถีความเป็นอยู่ของชาวใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดตรังและนครศรีธรรมราช
จะนิยมดื่มกาแฟโกปี้กันเป็นประจำทุกเช้าและมักจะตามด้วยขนมหวาน
ร้านกาแฟโกปี้ทางภาคใต้จึงมีชื่อเสียง เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ถูกใจนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
และมีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น
โกปี้โอ หรือ โกปี้อ๊อ คือ กาแฟโกปี้ที่ใส่น้ำตาล
โกปี้ช๊อ คือ
กาแฟโกปี้ที่ผสมชาและใส่นมข้นหวาน
มารู้จักกาแฟกันเถอะ
มารู้จักกาแฟกันเถอะ......
กาแฟ (Coffee) เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดกาแฟคั่วซึ่งได้จากต้นกาแฟ
นิยมดื่มร้อนๆ แต่สามารถดื่มแบบเย็นได้ด้วย บางครั้งนิยมใส่นมหรือครีมลงในกาแฟด้วย
ในกาแฟหนึ่งถ้วยมีคาเฟอีนอยู่ประมาณ 80-140 มิลลิกรัม
กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับชาและน้ำ
นอกจากนี้ กาแฟยังเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่มีการส่งออกมากเป็นอันดับที่หกของโลก
ประวัติ
เชื่อกันว่ากาแฟถูกค้นพบครั้งแรกโดยเด็กเลี้ยงแพะชาวอาบิสซีเนีย
(ประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน) ชื่อคาลดี จากการสังเกตพบว่า
แพะดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเมื่อกินผลไม้สีแดงของต้นไม้ต้นหนึ่ง
ซึ่งก็คือต้นกาแฟนั่นเอง ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 กาแฟถูกปลูกโดยชาวอาหรับเท่านั้น
คำว่ากาแฟ เป็นคำที่มาจากคำว่า "เกาะหฺวะหฺ" ในภาษาอาหรับ
แล้วเพี้ยนเป็น กาห์เวห์ ในภาษาตุรกี ก่อนที่จะกลายเป็น คอฟฟี ในภาษาอังกฤษ
และกาแฟ ในภาษาไทย ชาวอาหรับหวงแหนพันธุ์กาแฟมาก
จึงส่งออกเฉพาะเมล็ดกาแฟที่คั่วสุกแล้วเท่านั้น
แต่ในที่สุดเมล็ดกาแฟก็ออกมาสู่โลกกว้าง
โดยการลักลอบนำออกมาโดยชาวอินเดียที่ไปแสวงบุญที่เมกกะ และก็ได้แพร่ขยายไปยังชวา
เนเธอร์แลนด์ และทั่วยุโรปในที่สุด สำหรับทวีปอเมริกานั้น
ต้นกาแฟถูกนำไปอย่างยากลำบาก โดยทหารเรือฝรั่งเศสในต้นศตวรรษที่ 18 ในครั้งแรกนั้น
มีต้นกาแฟที่เหลือรอดชีวิตบนเรือมาขึ้นฝั่งอเมริกาได้เพียง 1 ต้น และก็ได้แพร่ขยายเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันดินแดนแห่งนี้ ได้กลายเป็นดินแดนที่ปลูกกาแฟมากที่สุดในโลก
วันฮารีรายอ วันสำคัญของศาสนาอิสลาม
" ฮารีรายอ" (Hari Raya) เป็นภาษามลายูปัตตานี ส่วนในภาษามลายูกลาง
แปลว่า วันใหญ่ หรือ วันอีด เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของชาวมุสลิม โดยก่อนวันงาน
ชาวมุสลิมจะออกมาจับจ่ายซื้อของ เสื้อผ้า และหมวกกะปิเยาะ
เพื่อเตรียมต้อนรับเทศกาลฮารีรายอกันอย่างคึกคัก และในวันดังกล่าวชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่
ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เพื่ออภัยต่อกันในสิ่งที่ผ่านมา มีการแสดงออกด้วยการสวมกอด
การจูบมือ การหอมแก้มทั้งสองของพ่อแม่ เป็นการแสดงความรัก
ลูกหลานที่อยู่ต่างภูมิลำเนาต่างกลับบ้าน เมื่อมาขออภัยและอำนวยพรให้พ่อแม่ ทุกครัวเรือนจะมีความอบอุ่นไปด้วยบรรดาลูก
ๆ หลาน ๆ กลับบ้านโดยพร้อมเพรียงกัน
ช่วงเวลา ในรอบปีหนึ่ง ชาวมุสลิม
มีวันฮารีรายอ 2 ครั้ง คือ
1) อีดิลฟิตรี
ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ
เดือนเชาวาล ซึ่งเป็นเดือน 10
ตามปฏิทินอิสลาม ซึ่งเป็นวันออกบวช
2) อีดิลอัฏฮา
ตรงกับวันที่ 10 เดือน
ซุลฮิจญะ หรือตรงกับเดือน 12
ของปฏิทินอิสลาม ซึ่งเป็นการฉลอง วันออกฮัจญ์ หรือ
ถือเป็นวันครบรอบการถือศีลอดของเดือนรอมฎอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)